บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2485 โดยดำริของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้พิจารณาและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีบริษัทประกันที่เป็นของคนไทย จึงให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทฯ ขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัย โดยในระยะแรกมีหน่วยงานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชนเข้าร่วมถือหุ้น ประกอบด้วย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท ข้าวไทย จำกัด จากนั้นในปี 2526 บริษัทฯ มีแผนการแยกธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยออกจากกัน จึงได้ดำเนินการโอนทรัพย์สินและหนี้สินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประกันชีวิตให้กับ บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันชีวิต จำกัด ต่อมาในปี 2529 บริษัทฯ ได้ทำการขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันชีวิต จำกัด ออกไป จึงเหลือแต่การประกอบธุรกิจรับประกันวินาศภัยเพียงอย่างเดียวจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2529 บริษัท ข้าวไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัทฯ ให้แก่บริษัท สยามแร่และน้ำมัน จำกัด และได้เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น และการจัดการมาเป็นกลุ่มสยามแร่และน้ำมัน เป็นผู้บริหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
บริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2534 เป็นหลักทรัพย์รับอนุญาต และได้เพิ่มทุนจดทะเบียนตามลำดับ จาก 60 ล้านบาทเป็น 120 ล้านบาท และเพิ่มทุนอีกเป็น 150 ล้านบาท และ 156 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทฯ ได้ทำการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2536 หลังจากนั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มทุนเป็นระยะจาก 156 ล้านบาท เป็น 312 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ TSI-W1 ในปี พ.ศ. 2546 ได้เตรียมเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 561.6 ล้านบาทเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของการแข่งขันในธุรกิจประกันภัย แต่เนื่องจากฐานะการเงินของบริษัทฯ มีเงินกองทุนที่เพียงพอและแข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องมีการระดมทุนเพิ่มอีก จนกระทั่งถึงปี 2547 จึงได้เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเป็น 310.3 ล้านบาท ในปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลากว่า 68 ปี บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจให้มีความเจริญก้าวหน้าและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
ปี 2540 บริษัทฯ ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียน จาก 150 ล้านบาท เป็น 156 ล้านบาท
ปี 2541 บริษัทฯ ได้ติดตั้งระบบ Software Insure/90 เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าผู้เอาประกันภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ปี 2543 บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม ทำให้สามารถใช้ระบบ Software Insure/90 ได้เต็มระบบ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงไปยังสาขาและศูนย์บริการของบริษัทฯ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศโดยใช้ระบบ Online และ VPN
ปี 2544 บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 156 ล้านบาท เป็น 312 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 15.6 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวน 7.8 ล้านหุ้น และรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิในครั้งนี้จำนวน 7.8 ล้านหุ้น
ปี 2545 บริษัทฯ ครบรอบ 60 ปี แห่งการประกอบการที่มั่นคง และบริการฉันมิตร นับจากวันที่เริ่มก่อตั้งเมื่อ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2485 บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสาธารณะตลอดทั้งปีได้แก่ ถวายพระกฐินพระราชทานแด่ วัดไตรมิตรวิทยาราม บริจาคโลหิต บริจาคทรัพย์สิ่งของเพื่อการกุศล และกิจกรรมเพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์วัดพระบาทน้ำพุ บริจาคเงินเพื่อก่อสร้างป้อมสัญญาณไฟจราจรบริเวณแยกสาทร เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และแก่สาธารณชนโดยทั่วไป
ปี 2546 บริษัทฯ ได้ดำเนินการพัฒนาระบบสาระสนเทศคอมพิวเตอร์ โดยนำกล้องดิจิตอลเพื่อใช้ในการถ่ายภาพสินไหมรถยนต์ และสามารถจัดส่งภาพจากทั่วประเทศ เข้าสู่ศูนย์ซ่อมรถยนต์ที่ติดตั้งระบบสินไหมรถยนต์ SCS-Services Coordinator Systems เพื่อการจัดอะไหล่ และดำเนินการจัดซ่อมอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดซื้อ เครื่องคอมพิวเตอร์พกพา Note Book เพื่อให้พนักงานสินไหมของบริษัทฯ สามารถจัดส่งข้อมูล และเรียกดูจาดศูนย์สาระสนเทศของบริษัทฯ ได้ตลอดเวลา เพื่อการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
ปี 2547- ปี 2548 บริษัทฯ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนเป็นทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเต็ม 310.3 ล้านบาท แบ่งเป็น 31.03 ล้านหุ้น นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในการจัดการสินไหมรถยนต์ โดยมีการศึกษานำระบบวีดีโอเคลม (V-Claim) มาใช้ถ่ายทำประกอบการตรวจสอบอุบัติเหตุในสถานที่จริง ซึ่งจะทำให้ลูกค้า และคู่กรณีได้รับความสะดวก รวดเร็ว ในการบริการ พร้อมกับทำให้การพิจารณาสินไหมของบริษัทฯ เป็นไปอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงสุด Top Speed Satisfaction
ปี 2549 บริษัทฯ ได้พัฒนาการบริหารและจัดการสินไหม แบบ V-Claims ให้เกิดต้นทุนที่ต่ำในการจัดการสินไหม ระยะเวลาในการจ่ายสินไหมรวดเร็ว ลดจำนวนสินไหมค้างจ่ายได้เป็นจำนวนมาก ทำให้การวางแผนทางการเงินเพื่อการลงทุนมีประสิทธิภาพ ในด้านการขยายงานการรับประกันภัยรายใหญ่ บริษัทฯ ได้ร่วมรับประกันภัยสนามบินสุวรรณภูมิ ร่วมกับบริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เอาประกันภัย
ปี 2550 บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบสินไหมในแบบ E-Claims เข้ากับระบบ V-Claims ของบริษัทฯ โดยได้ร่วมกับบริษัท EMCS จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดประมวลผลข้อมูลสินไหมและกำหนดการคุมราคาอะไหล่ ค่าซ่อมกับอู่มาตรฐาน และบริษัทจัดจำหน่ายอะไหล่ชั้นนำทั่วประเทศ ในการให้บริการสินไหมออนไลน์ที่เพิ่มช่องทางความสะดวกสบายให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่สามารถจะนำรถเข้าซ่อมได้ทุกอู่ที่มีระบบนี้อยู่ทั่วประเทศ โดยบริษัทฯ จะสามารถลดต้นทุนในการควบคุมราคาสินไหม และยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่การให้บริการของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในการจัดการบริหารความเสี่ยงภัยและจัดหาประกันภัยให้แก่ทรัพย์สินของลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน)
ปี 2551 บริษัทฯ ได้รับประกันภัยงานศูนย์การค้าขนาดใหญ่จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากผู้รับประกันภัยต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการจัดสรรการเสี่ยงภัยในทุนประกันภัยหลายหมื่นล้านบาทของโครงการศูนย์การค้าหลายแห่ง ได้แก่ โครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยาเฟสติวัล เป็นต้น
ปี 2552 บริษัทฯ ได้รับประกันภัยงานของรัฐวิสาหกิจในกระทรวงคมนาคม อาทิเช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย และ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นองค์การที่จะขับเคลื่อนการขนส่งระบบรางที่ทันสมัย มีคุณภาพมาตรฐานสากล มีเส้นทางทั่วทุกภาคในประเทศไทย มีระยาทางที่เปิดเดินรถแล้ว รวมทั้งสิน 4,346 กิโลเมตร ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลาง Logistics ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อตอบรับต่อการเปิดเสรีอาเซียน นอกจากนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่รัฐบาลไทยถือหุ้นอยู่ 70 % มีมูลค่าสูงสุดถึง 203,345,996 ล้านบาทและเป็นผู้นำธุรกิจท่าอากาศยานในภูมิภาคเอเชีย และคาดว่าจะเป็น Logistics Hub ที่สำคัญในภาคพื้นนี้
ปี 2553 บริษัทฯ ได้รับประกันภัยชนิดพิเศษ คือประกันภัยความรุนแรงทางการเมือง (Political Violence) สำหรับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีทุนประกันภัยสูงถึง 3,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้รับความร่วมมือจากผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศ (Lloyd's syndicate) ในการจัดสรรความเสี่ยงภัย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมโครงการประกันภัย รถยนต์ชั้นหนึ่ง GOA (Global Outstanding Assessment) ซึ่งโครงการดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้ลูกค้าโตโยต้าที่ทำประกันภัย GOA ได้รับการบริการครบวงจร และสิทธิพิเศษด้านประกันภัยรถยนต์
|